เปิดหัวใจ 2 คุณแม่สุดแกร่ง ชีวิตนี้ขอสู้เพื่อลูก
- มาทำความรู้จักกับสองคุณแม่ฮีโร่หัวใจแกร่ง ตวงกมลวรรณ สิงห์ทอง และ กัลยา เขียนงาม กับเส้นทางอาชีพในการขับรถรับส่งผู้โดยสารและจัดส่งอาหารเดลิเวอรีเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและวางรากฐานอนาคตให้กับลูกๆ เพื่อก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนการเป็นแม่ก็ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย เพราะนับตั้งแต่วินาทีที่ผู้หญิงรู้ตัวว่ากำลังจะต้องเปลี่ยนบทบาทไปสู่การเป็นแม่ ความรับผิดชอบต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยที่จะเกิดมา ในอดีตบทบาทของผู้หญิงอาจถูกจำกัดด้วยเพศสภาพหรือค่านิยมทางสังคม จึงมีหน้าที่เพียงแค่เลี้ยงดูลูกและดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยต้องรับบทบาทในชีวิตเพิ่มมากขึ้น ทั้งการทำงานนอกบ้าน การดูแลครอบครัว รวมถึงการทำหน้าที่ของความเป็นแม่ ซึ่งต้องอาศัยทั้งพลังกายพลังใจอย่างเปี่ยมล้น เพราะการเป็นแม่ไม่มีวันหยุดหรือสามารถลาออกได้ ถ้าฮีโร่ในภาพยนตร์คือคนที่ใช้พลังวิเศษเพื่อปกป้องโลก วันแม่ปีนี้เราอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับสองคุณแม่ฮีโร่หัวใจแกร่งกับเส้นทางอาชีพในการขับรถรับส่งผู้โดยสารและจัดส่งอาหารเดลิเวอรีเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและวางรากฐานอนาคตให้กับลูกๆ เพื่อก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
แม้ความสัมพันธ์จะจบลง แต่ความเป็นแม่ไม่อาจจบตาม
คุณน้ำ-ตวงกมลวรรณ สิงห์ทอง คุณแม่ของน้องพลอยใส วัย 11 ขวบ และน้องไตตั้น วัย 3 ขวบ ที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมากว่า 2 ปี หากไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน เราคงไม่มีทางรู้ได้เลยว่า สาวร่างเล็กคนนี้จะเคยผ่านบททดสอบของชีวิตคู่ที่ถาโถมเข้ามาเหมือนพายุร้าย เพราะในวันนี้เธอไม่เหลือเค้าความเศร้านั้นให้เห็นอีกต่อไป
คุณน้ำเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า กว่าจะเข้มแข็งได้แบบทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะช่วงแรกๆ ที่ตัดสินใจแยกออกมาดูแลลูกด้วยตัวเองนั้นต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและการจัดสรรเวลาให้กับลูกทั้งสองคน “เราเคยท้อมาก ร้องไห้ทุกวัน แต่เมื่อตัดสินใจเดินออกมาแล้ว หน้าที่ของเราคือการเติมเต็มช่องว่างที่หายไปให้ลูกไม่รู้สึกขาด เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกได้ ลูกต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะพยายามมอบให้ลูก และนั่นเป็นสาเหตุหลักที่เราเลือกมาขับแกร็บคาร์เพราะสามารถจัดสรรเวลาให้ลูกได้ดีกว่า เนื่องจากมีอิสระในการเลือกเวลาทำงานและสร้างรายได้ตามช่วงเวลาที่เราสะดวก”
“ก่อนสมัครเป็นพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บเราก็ศึกษาข้อมูลจากญาติที่ขับอยู่ ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าอาชีพนี้จะทำให้เราจัดตารางเวลาให้ลูกได้ อย่างช่วงที่ลูกป่วย เราสามารถหยุดรับงานแล้วพาเค้าไปหาหมอได้ทันที ในขณะที่งานประจำที่เราเคยทำก่อนหน้านี้ไม่เอื้อให้เราสามารถทำได้ เวลาทำงานไม่ได้ยืดหยุุ่นขนาดนี้ และถึงเเม้จะไม่มีวันหยุดตายตัว แต่เมื่อมีเวลาว่างเราก็จะโทรหรือ VDO Call หาลูกอยู่เสมอ เพื่อให้เขารู้สึกว่าเราอยู่กับเขา ไม่ได้ห่างไปไหน ทุกวันนี้การขับแกร็บคือรายได้หลักที่ทำให้เราดูแลครอบครัวและใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี”
จากเคยเป็นลูก…สู่บทบาทของความเป็นแม่ กับมุมมองความรักบนความเข้าใจ
แม่ทุกคนล้วนเคยเป็นลูกมาก่อน ความจริงข้อนี้ทำให้เราอยากรู้ความสัมพันธ์ของคุณน้ำกับคุณแม่เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นลูกสาวตัวน้อย “แม่น้ำดุมากค่ะ ดุจนเราเคยคิดว่าเขาไม่รัก” เธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนเล่าต่อว่า “ด้วยความที่แม่ดุและเข้มงวดกับเรามาก เลยทำให้เราแสดงพฤติกรรมต่อต้านออกมา ยิ่งช่วงวัยรุ่นเราก็มีความคิดเป็นของตัวเองแม่พูดหรือเตือนอะไรก็ไม่ค่อยฟัง แต่พอเรามีลูกเองเรากลับคิดได้ว่าจริงๆ แล้วแม่รักและเป็นห่วงเรามาก แต่อาจจะเป็นสไตล์การเลี้ยงลูกของเขาที่เราเคยไม่เข้าใจ พอเราเป็นแม่ก็เลยนำบทเรียนเหล่านั้นมาปรับใช้ให้เป็นสไตล์การเลี้ยงลูกของเราเอง ในขณะที่ทุกวันนี้เราสนิทและคุยเปิดใจกับแม่มากขึ้น แม้ว่าเราจะโตจนมีลูกแล้ว แต่แม่ก็เป็นคนแรกที่พร้อมสนับสนุนและอยู่ข้างเราเสมอ สำหรับเราคิดว่าความรักของแม่มั่นคงและแน่นอนที่สุดในชีวิตแล้ว”
จากหัวหน้าครอบครัว…สู่ภารกิจที่ยิ่งใหญ่แห่งการเป็นแม่
ด้านคุณแม่หัวใจนักสู้สาวจากเมืองนนท์ คุณหญิง-กัลยา เขียนงาม คุณแม่ของน้องเพชรวัย 9 ขวบกับน้องพอลลี่วัย 3 ขวบ ที่ตัดสินใจมาขับรถส่งอาหารกับแกร็บฟู้ดแบบเต็มตัว เพราะเป็นอาชีพที่สามารถจัดสรรเวลาให้ลูกและครอบครัวได้ดีที่สุด
ย้อนกลับไปช่วงชีวิตวัยรุ่นของคุณหญิง เธอแตกต่างจากคนอื่นตรงที่ต้องรับภาระเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่ยังเด็กเพราะคุณแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธออายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้น ส่วนคุณพ่อก็แยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่ ในฐานะพี่สาวคนโตของน้องๆ ทั้ง 3 คน เธอจึงต้องเสียสละออกมาทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว “ตอนที่แม่จากไปทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราไม่ทันตั้งตัวมาก่อนว่าจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวดูแลทุกคน ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องหยุดเรียนแล้วทำงานหาเงินตั้งแต่ยังเด็ก ยอมรับว่าเหนื่อยและท้อหลายครั้ง แต่พอลองคิดดูอีกที ถ้าเราไม่สู้ เราก็จะเป็นที่พึ่งให้กับน้องๆ ไม่ได้เลย”
แม้ว่าการต่อสู้ชีวิตและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อดููแลน้องๆ มาตั้งแต่เด็กอาจดูเป็นข้อได้เปรียบ แต่เมื่อเธอเริ่มมีครอบครัวเป็นของตัวเองและมีลูกน้อยที่ต้องดูแลกลับพบว่า บทบาทของความเป็นแม่ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุดในชีวิต คุณหญิงเล่าว่า “ตอนที่ทำงานเลี้ยงน้องๆ เราอาจจะเหนื่อยก็จริง แต่ความกดดันไม่ได้เยอะเท่ากับตอนที่เรามีลูก เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเราต้องดูแลรายละเอียดทุกอย่างของลูก ต้องเป็นให้ได้มากกว่าแม่ รวมถึงเรียนรู้ที่จะเลี้ยงพวกเขาด้วยความเข้าใจ เป้าหมายของเราคืออยากให้ลูกโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ลำบากเหมือนเราก็พอแล้ว ส่วนในอนาคตเขาอยากทำอาชีพอะไร เราก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง ขอแค่เป็นสิ่งที่ดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ”
เพื่ออนาคตของลูก…ต้นทุนชีวิตที่น้อยกว่าไม่ใช่ข้ออ้างที่จะย่อท้อ
ปัจจุบันคุณหญิงผันตัวมาขับรถส่งอาหารกับแกร็บได้เกือบหนึ่งปีแล้ว เธอเท้าความให้ฟังว่า “ก่อนมาขับแกร็บฟู้ดก็เคยทำงานเป็นพนักงานสัญญาจ้างมาก่อน จนเมื่อหมดสัญญาจึงต้องหาอาชีพอื่นทำเพื่อสร้างรายได้ ส่วนตัวก็สนใจงานแกร็บฟู้ดเพราะหาข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียมาสักพักแล้ว เรามองว่างานนี้เหมาะกับเราด้วยความอิสระ สามารถเลือกเวลาทำงานได้ตามความสะดวก มีรายได้ที่เพียงพอให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ และที่สำคัญคือ สามารถจัดสรรเวลาในการดูแลลูกๆ และครอบครัวได้ อย่างเวลาที่โรงเรียนลูกมีกิจกรรมเราก็สามารถเข้าร่วมได้ตลอด”
“ยอมรับว่าช่วงที่เริ่มมาขับรถส่งอาหารแรกๆ ก็มีความประหม่าอยู่บ้าง แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มคล่องตัวขึ้น ลูกค้าที่เจอส่วนใหญ่มักใจดี บวกกับรายได้ในแต่ละวันก็ถือว่าเพียงพอสำหรับนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวได้ ลูกๆ ทั้งสองคนก็รู้ว่าแม่ขับแกร็บส่งอาหารเกือบทุกวัน เขาก็รู้ว่าเราเหนื่อยกว่าจะได้เงินมา โชคดีที่เด็กๆ ไม่เคยกวน ไม่อยากซื้อของแพงๆ หรือเวลาจะซื้อขนม เขาก็จะถามเราก่อนทุกครั้งว่าวันนี้เราได้เงินเยอะไหม หากได้เยอะจึงค่อยขอ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ลูกแสดงออกมาทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น และแม้ว่าเราจะมีต้นทุนชีวิตไม่มาก แต่ในฐานะแม่ เราก็พร้อมสู้ต่อไปเพื่อสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้กับลูก”
แม้จะมีภูมิหลังและผ่านประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนออกมาจากแววตาและถ้อยคำของทั้งสองสาว คือ “หัวใจของความเป็นแม่” ทั้งคุณหญิงและคุุณน้ำต่างมีเป้าหมายร่วมกัน คือการสร้างรากฐานแห่งอนาคตที่มั่นคงให้กับลูก ด้วยสองมือและกำลังใจที่เต็มเปี่ยม
และเพื่อเป็นการระลึกถึงและขอบคุณความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ ในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย ร่วมกับ มิสเตอร์ โดนัท ชวนพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บทั่วประเทศร่วมบอกรักแม่ด้วย “โดนัทลายดอกมะลิ Grab Loves Mom” ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นพิเศษเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ กับ 2 ลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จำนวนทั้งสิ้น 10,000 เซ็ท (รวม 20,000 ชิ้น) โดยพาร์ทเนอร์คนขับสามารถกดรับสิทธิได้ฟรี (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแอปพลิเคชันของคนขับ)
Media Inquiries
Contact the Grab media teamFollow us on Grab social channels
Inside Grab
Explore Grab’s official blogEngineering Stories
Learn more about our technology developmentGET REWARDED JUST FOR USING US
What is GrabRewards? GrabRewards is our flagship loyalty program and we’re excited that it’s going into beta testing. We can’t […]
GrabChat. The first instant messaging feature in a ride-hailing app!
GrabChat is our new instant messaging platform within Grab. It’s a seamless form of in-app communication between you & your […]