ใบขับขี่ถือเป็นเอกสารสำคัญที่แสดงถึงการได้รับอนุญาตขับขี่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่เราควรพกติดตัวเอาไว้ เนื่องจากมีผลทางกฎหมาย และเราสามารถถูกเรียกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ได้ทุกเมื่อ ซึ่งหากใครขี่มอเตอร์ไซค์แล้วพบว่าไม่มีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ ก็สามารถได้รับโทษได้ ดังนั้นทางที่ดีเราควรทำไว้ และพกติดตัวไว้เสมอ แต่หาใครยังไม่เคยทำ หรือใบขับขี่ขาดไปก็ไม่ต้องเป็นกังวล วันนี้ทางเราได้รวบรวมขั้นตอนและรายละเอียดมาไว้ให้แล้ว ทำตามนี้ได้เลยค่ะ
ขั้นตอนจองคิวอบรมสำหรับทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
ปัจจุบันจำเป็นต้องจองคิวล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการเท่านั้น เนื่องจากเป็นการดำเนินงานแบบ New Normal เพื่อลดความแออัดในสถานที่ โดย Grab ขอแนะนำขั้นตอนการ “จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์” ด้วยตัวเองง่าย ๆ ดังนี้
- จองคิวผ่านเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th/
ขั้นตอนการจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ มีดังนี้
- การจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ เข้าไปยังเว็บไซต์ https://gecc.dlt.go.th
- เลือกลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบ (กรณีเคยลงทะเบียนไว้แล้ว)
- เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว เลือกจังหวัด, สำนักงานที่สะดวก และเลือกประเภทการต่อใบขับขี่ ต่ออายุรถส่วนบุคคล 5 ปี เป็น 5 ปี (สามารถเลือก 1. อบรมที่สำนักงาน 2. อบรมที่สำนักงานกรณีขาดต่อเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี 3. อบรมผ่าน e-learning หรือ เปลี่ยนชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี ที่สิ้นอายุไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น)
- เลือกช่องสีเขียวตามวันและเวลาที่สะดวก
- เมื่อจองเสร็จจะขึ้นหน้า “ประวัติการจอง” ที่แสดงรหัสการจอง, วันและเวลาที่จอง, ประเภทงานที่เข้ารับการติดต่อ และสถานที่เข้ารับบริการ โดยสามารถกดยกเลิกได้ในกรณีต้องการเปลี่ยนวันจอง รวมถึงสามารถพิมพ์เอกสารการจองเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานได้
ทั้งนี้ผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องเดินทางไปถึงสำนักงานขนส่งที่เลือกไว้ก่อนเวลาประมาณ 30 นาที โดยสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง แต่งกายให้สุภาพในวันนัด และห้ามใส่กางเกงขาสั้นหรือรองเท้าแตะ โดยเจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ปฏิเสธการให้บริการในกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว
- กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งฯ ใกล้บ้าน
- จองสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
- จองคิวผ่านทางโทรศัพท์ เบอร์ 0-2271-8888 ต่อ 4201-4 หรือเบอร์ 1584
เอกสารที่จะต้องเตรียมไปอบรมทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบอนุญาตขับรถ (ถ้ามี)
- ใบรับรองแพทย์อายุไม่เกิน 1 เดือน (ใช้ในกรณีขาดต่ออายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น)
การสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- เริ่มต้นด้วยทดสอบสมรรถภาพร่างกายสำหรับการสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกายสำหรับการสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- ทดสอบตาบอดสี (เขียว เหลือง แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า โดยการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ
2. อบรมใบขับขี่ประมาณ 5 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้าและบ่าย
3.สอบทฤษฎีผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 50ข้อ ต้องถูกอย่างน้อย 45ข้อ หรือ 90%
4.สอบภาคปฏิบัติ แบ่งออกเป็น 5 ท่า
- ท่าที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์โดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
- ท่าที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ ทรงตัวบนทางแคบ ทรงตัวไว้โดยไม่ให้เท้าแตะพื้นประมาณ 10วินาที
- ท่าที่ 3 ขับรถจักรยานยนต์ซิกแซกเข้าโค้งแคบ รูปตัว Z ห้ามชนกรวยล้ม
- ท่าที่ 4 ขับรถจักรยานยนต์เข้าโค้ง รูปตัว S ห้ามชนกรวยล้ม
- ท่าที่ 5 ขับรถจักรยานยนต์ซิกแซก หลบสิ่งกีดขวาง
ค่าใช้จ่ายสำหรับทําใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
สำหรับการทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 105 บาท (ค่าใบขับขี่ 100 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท)
อายุของผู้ที่จะทําใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
- อายุระหว่าง 15 – 18 ปี สามารถทำใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลได้ แต่ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 110 ซีซี
- อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป สามารถทำใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลชั่วคราวได้ในรถทุกรูปแบบ
- อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สามารถทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะได้
ใช้เวลาสอบกี่วันในการทําใบขับขี่มอเตอร์ไซค์
การสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้เวลา 2 วัน แบ่งเป็นสอบทฤษฎีและสอบภาคปฏิบัติ
ทั้งนี้ ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ได้รับมานั้นจะเป็นใบขับขี่ชนิดชั่วคราวซึ่งมีอายุ 2 ปี ผู้ขับขี่สามารถดำเนินการเปลี่ยนใบขับขี่จากชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็นแบบ 5 ได้ล่วงหน้า 90 วัน ซึ่งหากมีใบขับขี่พร้อมแล้ว คุณก็จะสามารถขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจไปได้ทุกที่ โดยไม่ต้องกังวลเมื่อโดนเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ นอกจากนี้หากอยากหารายได้เสริมจากการขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็สามารถสมัคร GrabBike หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ https://www.grab.com/th/driver/bike/